วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

19 พฤษภา ประวัติศาสตร์การเมืองไทย

















19 พฤษภา สังหารหมู่ประชาชน
เลวร้ายยิ่งกว่า 6 ตุลาคม 2519 และเลวร้ายยิ่งกว่าอาชญากรรมใดๆ เพราะเป็นการไล่ล่าฆ่าประชาชนมือเปล่าอย่างโหดเหี้ยมรุนแรงด้วยอาวุธสงครามจากผู้ชำนาญการในการฆ่าที่ถูกฝึกมาอย่างดีเพื่อในการสงครามปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่นักฆ่าเหล่านี้กลับสยบยอมใต้อำนาจอำมหิตจิตวิปลาศหันปากกระบอกปืนยิงเข้าใส่ประชาชน
ขอประนามผู้ลั่นไกกระสุนออกจากรังเพลิงเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน อีกทั้งผู้สั่งการให้สังหารประชาชนก็ยิ่งเหนือกว่าเดรัจฉานหลายเท่านัก เสียงดังปังครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับร่างผู้ไร้วิญญาณก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เลือดที่ไหลรินหยดรดลงพื้นถนนเป็นบทเรียนราคาแพงที่คงต้องจดจำไปอีกนานอย่างมิอาจลืมเลือนถึงความโหดร้ายอำมหิตที่มนุษย์ปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน

ใครผู้ใดหนอช่างโหดร้ายได้เยี่ยงนี้ ใครผู้ใดหนอช่างไร้ซึ่งความเมตตากรุณาปราณี ใครผู้ใดหนอไร้ซึ่งหิริและโอตตัปปะ ทำร้ายได้แม้กระทั่งเลือดไทยด้วยกัน ทำร้ายได้แม้กระทั่งผู้คนที่ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมและความยุติธรรมเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ ทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็ก ผู้หญิง คนชราที่ไร้อาวุธ ทั้งที่อยู่ในเขตอภัยทานหรือเขตวัดก็ไม่ถูกละเว้น

มันเป็นการล้อมฆ่าและสังหารหมู่ประชาชนที่ปราศจากอาวุธอย่างไร้ยางอายที่สุด ไม่เว้นแม้แพทย์ พยาบาล สื่อมวลชน และหน่วยกู้ชีวิตที่ออกมาดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังถูกหยิบยื่นความตายให้จากคำสั่งฆ่าของผู้บังคับบัญชาที่สำรอกออกมาด้วยชุดความคิดที่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุม คือ พวกรกโลกที่ต้องสังหารทิ้ง
ชุดความคิดเหล่านี้มาจากไหน ถูกบ่มเพาะเข้าไปในจิตวิญญาณของทหารไทยที่เป็นลูกหลานของพ่อแม่ของเขาที่ถูกฆ่าตายอย่างเลือดเย็นบนสมรภูมิราชประสงค์แห่งนี้ได้อย่างไร คำตอบเหล่านี้คงไม่ต้องมีใครมาบ่มเพาะหรือชี้นำให้พวกเขาคิด เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้น คือ คำตอบที่ชัดเจนและเด่นชัดอยู่ในตัวของมันเอง
หลับเถิดผู้กล้าผองพี่น้อง เราตื่นแล้วและเราจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาของเราเพราะเรามิได้มืดบอดอีกต่อไปแล้ว เราตื่น เรารู้ เราเห็น และเราเข้าใจว่าเลือดนี้มีความหมายแม้มันจะเป็นเฮือกสุดท้ายที่เพิ่งผ่านพ้นมา

ขอดวงวิญญาณผู้กล้าจงสถิตอยู่ชั้นสรวงสวรรค์ ความเสียสละของพวกท่านได้ทำให้ความยุติธรรมและความจริงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปในปฐพีแล้วขณะนี้ ประวัติศาสตร์จะจารึกพวกท่านทุกผู้นามไว้บนผืนแผ่นดินไทยนี้ว่าผู้กล้าทั้งหลายที่ยอมสละชีวิตในครั้งนี้ เป็นผู้เปิดโลกใหม่ให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้พบกับแดนศรีอาริย์อย่างแท้จริง ขอคารวะ





ประมวลภาพ10เมษา53

การสลายการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ

บรรยากาศการจุดเทียน และวางพวงมาลัย บริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในคืนวันที่ 10 เมษายน เมื่อวันที่ 11 เมษายน
วันที่ 10 เมษายน รัฐบาลได้นำกองกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยในเวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำออกจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 และพยายามปิดประตู พร้อมขึงรั้วลวดหนาม นอกจากนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้ใช้แก๊สน้ำตายิงด้วย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยร่นออกมาบริเวณสนามเสือป่า พยายามปาท่อนไม้และสิ่งของตอบโต้ นอกจากนี้ยังเกิดเสียงดังขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นระเบิดเสียง ทำให้ผู้ชุมนุมแตกตื่นวิ่งหนี
เมื่อเวลา 13.10 น. กลุ่มเสื้อแดงได้กลับมารวมตัวอีกครั้ง แกนนำบนรถปราศรัยได้ประกาศว่า
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กำลังเดินทางตามมา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินเก็บท่อนไม้ที่เหลือจากการจัดงานกาชาดเตรียมพร้อมไว้แล้วด้วย
จากนั้นเวลา 13.45 น. เกิดเหตุชุลมุนที่แยกพาณิชยการ ใกล้
ทำเนียบรัฐบาลและกองทัพภาคที่ 1 โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้น้ำฉีดผู้ชุมนุมที่ปิดล้อมแยกดังกล่าว จากนั้นได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมเป็นระยะ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงบางคนได้รับบาดเจ็บและแตกฮือสลายการชุมนุมจากแยกพาณิชยการ จากนั้นทหารนำรถที่กลุ่มผู้ชุมนุมจอดขวางออกนอกพื้นที่ และเดินจากแยกพาณิชยการมุ่งหน้าเข้าถนนราชดำเนิน
เมื่อเวลา 14.00 น. ทหารได้ทยอยยึดถนนราชดำเนินได้บางส่วน โดยตรึงกำลังตามสี่แยกต่างๆ ตั้งแต่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 แยกมิสกวัน และสะพานมัฆวานรังสรรค์ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมต่างถอยร่นไปรวมตัวที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และพยายามจอดรถขวางทางเพื่อสกัดทหาร
เวลา 14.20 น. บริเวณการชุมนุมคนเสื้อแดงบริเวณแยกมิสกวัน โดยทหารได้ใช้แก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตามเกิดโต้ล้มทำให้พัดย้อนกลับไปโดนทหารเช่นกันและมีผู้ชุมนุมบางส่วนได้ขว้างกลับมาเช่นกัน ทางด้านบริเวณ
คลองผดุงกรุงเกษมทหารได้รุกคืบฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมพร้อมกับได้จับผู้ปราศรัยบนเวที ขณะเดียวกันทางผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้ปรับขบวนด้วยการใช้พระสงฆ์ออกมาตั้งแนวป้องกันการรุกคืบของทหาร
เมื่อเวลา 15.00 น. มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารพร้อม
ปืนลูกซอง ปืนเอ็ม16 พกโล่พร้อมอาวุธครบมือ ได้ยืนตั้งแถวอยู่ตรงบริเวณสวนสาธารณะเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ฝั่งอรุณอมรินทร์
เมื่อเวลา 17.50 น. มี
เฮลิคอปเตอร์บินวนบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และได้มีการปล่อยแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ลงมาเพื่อสลายการชุมนุม ขณะที่แกนนำได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมออกมารวมตัวกันที่หน้าเวที พร้อมกับปลุกระดมให้ต่อสู้และดูสถานการณ์ต่อไป ขณะที่ผู้ชุมนุมได้มีการปล่อยลูกโป่งและโคมลอยเพื่อรบกวนการบินของเจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์แต่ไม่มีผลแต่อย่างใด แก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่ทิ้งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ตกลงมาที่ด้านหลังเวที ซึ่งมีสื่อมวลชนปักหลักทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมากทำให้แตกตื่นหาที่หลบแก๊สน้ำตา และอีกจุดทิ้งไปที่ด้านหน้าเวทีซึ่งมีผู้ชุมนุมรวมตัวอยู่ค่อนข้างหน้าแน่น
หลังจากนั้นจนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในบริเวณต่างๆ ใกล้กับที่ชุมนุม เช่น
ถนนดินสอ ช่วงวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถนนตะนาว ช่วงแยกคอกวัว ฝั่งเชื่อมต่อถนนข้าวสาร โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1,427 ราย









ผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
ในเหตุการณ์นี้มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 25 ราย ทหารเสียชีวิต 5 ราย และชาวต่างประเทศเสียชีวิตอีก 1 ราย
รายชื่อผู้เสียชีวิตเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อจำนวน 2 ราย และระบุชื่อได้จำนวน 19 ราย คือ
พลเรือน
นายอำพล ตติยรัตน์ : ถูกกระสุนปืน
นายยุทธนา ทองเจริญพลพร : ถูกกระสุนปืน
นายไพศล ทิพย์ลม : ถูกกระสุนปืน
นายสวาท วางาม : ถูกกระสุนปืน
นายธวัฒนะชัย กลัดสุข : ถูกกระสุนปืน
นายทศชัย เมฆงามฟ้า : ถูกกระสุนปืน
นายจรูญ ฉายแม้น : ถูกกระสุนปืน
นายวสันต์ ภู่ทอง : ถูกกระสุนปืน
นายมลชัย แซ่จอง : ถูกแก๊สน้ำตา ทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
นายคะนึง ฉัตรเท : ถูกกระสุนปืน
นายเกรียงไกร คำน้อย : ถูกกระสุนปืน
นายบุญธรรม ทองผุย : ถูกกระสุนปืน
นายสมศักดิ์ แก้วสาน : ถูกกระสุนปืน
นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ : ถูกกระสุนปืน
นายนภทล เผ่าพนัก : ถูกกระสุนปืน
นายสมิง แตงเพชร : ถูกกระสุนปืน

ทหาร
พันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม (รองเสนาธิการ พล.ร.2 รอ.)
พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์
พลทหารอนุพงษ์ เมืองรำพัน
พลทหารสิงหา อ่อนทรง
พลทหารอนุพล หอมมาลี

ชาวต่างประเทศ
นายฮิโระ มูราโมโตะ (นักข่าวรอยเตอร์ส) : ถูกกระสุนปืน































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































นักรบหัวใจประชาธิปไตย เสธแดง





























วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

2553 พันธมารครองเมือง



















รูปภาพ จากรุ่งศิลา