การปรากฏตัวของ "นักรบนิรนาม"
เหตุการณ์ 13 พฤษภาคม 2553เริ่มแรกเย็น วันที่ 13 พค.2553 ผมนั่งTAXI ไปถึงราชประสงค์ ก็ประมาณ 5 โมงเย็นครับ พอถึงก็นั่งฟังเขาปราศรัยที่เวที ทางด้านขวาตรงช้างตัวใหญ่ๆครับซักพักใหญ่ๆก็มีรถไฟฟ้าBTSมาจอดหลายรอบตรง กับZENหลายรอบแล้วก็แล่นกลับไปกลับมา จอดบ้าง มาชะลอดูบ้าง ทำให้แถวๆนั้นผู้คนแตกตื่นมากครับ พอซักพักใหญ่ๆผมก็เดินไปที่ ด่านสีลม(ปรกติถ้าไปผมจะไปด้านนี้ด่านอื่นไม่ เคยไปครับ) ผมก็เดินไป เรื่อยๆครับ จนถึงแยกก่อนที่จะถึง รพ.จุฬาฯ ก็เห็นคนวิ่งแตกตื่นกันอลม่านผมก็เลยถามคนที่วิ่ง มาเป็นผู้หญิง อายุประมาณ30กว่าๆ แกก็บอกว่า "เสธแดงโดนยิง" ผมก็รีบเดินไป ต่อ แต่ตอนนั้นเท่าที่ดูไม่มีแกนนำหรือใครที่จะเป็นคนคุมมวลชนที่นั่นเลยครับ ทุกคนแตกตื่นกันมาก ทุกคนที่วิ่งมาปากก็บอกว่า เสธแดงโดนยิงๆตลอดทาง แล้วผมก็เห็นรถคันสีขาวที่ใช้พาอาแดงของเราไป รพ.หัวเฉียว หรือเปล่าไม่แน่ใจแต่ที่แน่ๆคนที่อยู่บนรถก็ตะโกนโหวกเหวกให้หลบไปๆ.. ผมก็เดินไปต่อสวนทางกับคนที่วิ่งแตกตื่นมาตลอดทาง ก็เจอพี่คนหนึ่งตัวใหญ่ๆสูงขาวบอกว่า ขออาสาใครที่กล้าไป ช่วยกันที่ด่านสีลม ผมก็เดินไปกับพี่เขาปากก็บอกว่า ขอคนกล้าไปช่วยกันที่ด่านสีลม แต่ไม่มีใครตามมาเลยวิ่งกลับกันหมด ทั้งนักข่าวต่างประเทศ ก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมาหลายคนเหมือนกัน พอผมเดินมาถึงด่านที่ติดกับตึก รพ.จุฬาที่ตั้งด่านปิดถนนทั้งสองฝั่งก็ มี ระเบิดตู้ม! ... เห็นเต็มตา ... เท่านั้นครับผมก็หมอบหน้ารถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่เพราะมีเสียงระเบิด อีกหลายลูก.. ผมไม่ทราบ ว่ากี่ลูกแต่มากกว่าสามลูก เท่าที่ผมได้ยินปนกับเสียงปืนไม่รู้ยิงจากไหนลงจุดไหน ยิงอีกหลายนัด ผม ก็หลบแต่พยายามมองไปข้างหน้าที่ระเบิดตกแล้วมองหาคนที่ยิงปืนออกมาจาก ข้างใน รพ.จุฬาฯ (ตอนนั้นผมคิดว่ายังไงๆเสียงระเบิดและปืนไม่แน่ใจว่าเป็นM16หรือ เปล่าน่าจะยิงออกมาจาก รพ.จุฬาแน่ๆครับ).. ณ.ตอนนั้นจากเสียงที่ได้ยินผมคิดว่าอย่างนั้น ตอนนั้นยังไม่มีใครกล้าไป อยู่ไปอยู่ข้างๆด่านวิ่งหลบกันวุ่น ปากก็ตะโกนว่าดับไฟทุกดวงดับไฟๆ..ใครมีหนังสะติ๊กก็ยิงหลอดไฟที่อยู่ ที่สูงขณะที่พวกผมกำลังเอาสิ่งของ ที่พอจะเก็บหาได้เพื่อปาหลอดไฟตามทางตามเต้นแต่มี หลอดหนึ่งที่อยู่ติด ด่านยิงยังไงก็ก็ไม่ดับก็มีลูกกระสุนยิงมาใส่หลายลูก ปัง ปัง ปัง!จาก ข้างใน รพ. อันนี้ผมเลยแน่ใจว่า ยิงมาจาก รพ.จุฬาฯ แน่ๆ ฝ่านเรามีแค่บั้งไฟที่พอจะจุดยิงเข้าไปฝั่ง รพ.จุฬาฯได้กับหนังสะติ๊ก (ผมรู้สึกอนาถใจมากครับ หนังสติ๊ก กับ บั้ง ไฟ ไม่กี่อันสู้กับ M79 กับ ปืนของทหาร ที่ยิงสวนมาเป็นระยะๆ) .. แต่ไม่มีใครถูกกระสุน ตรงที่ผมอยู่ที่ด่านใต้รางที่รถBTSวิ่ง แต่ที่ข้างในด่านมี มอเตอร์ไซค์พาคนที่โดนยิงและสะเก็ดระเบิด ไปส่ง รพ. พวกผมก็พยามยามพูดกันว่า จะดับไฟทีเสาต้นนี้อย่างไรมันอยู่สูงครับพอมีคนไปยิงหลอดไฟให้ดับ ทหาร ใน รพ.จุฬาก็ยิงปืนสวนออกมา พวกผมก็หลบกันหลังรถบ้าง ตามเต้นท์บ้าง แต่กระสุนไม่ถูกใคร หลอดไฟก็สว่างพี่ๆแถวนั้น เขาก็พาก็พากันยิงจนดับ เสียงปืนเงียบลง คนที่ใส่เสื้อสีขาวเราก็บอกว่าให้หาเสื้อสีดำมาเปลี่ยน ใครที่จะเข้าไปที่เต้นส่วนมากเป็นพี่ผู้หญิงที่ อยู่ประจำเต้นท์ จะกลับเข้าไปซึ่งตอนนั้นพวกผมก็คิดว่ายังอันตรายอยู่ ก็บอกว่าพี่อย่า พึ่งเข้าไป ใครที่ใส่เสื้อสีขาวก็ให้ไปหาเสื้อเปลี่ยนใหม่ พอเราแน่ใจว่าเริ่มไม่มีเสียงปืนแล้วเราก็พากันหมอบไปตามทางด้านถนนที่ ติดกับสวนลุมเพื่อความปลอดภัยเพราะไฟสว่าง พวกเราก็ ตะโกนให้ดับไฟให้หมด เพื่อใช้ความมืดพรางตัวไม่ให้ตกเป็นเป้า พอกระสุนปืนเงียบ ผมก็ไปรวมตัวกลุ่มหลังเต้นท์ ติดสวนลุมตรงถนน ก็คุยกันว่า อาแดงของเราโดนยิงตรงไหน เชื่อไหมครับเท่าที่ผมรู้สึกได้ ทุกคนที่ด่านสีลม เขาเชื่อและศรัทธาอาเสธแดงของเรามาก แบบไม่รู้ว่าผมจะพูดยังไงขนาดในเวปเวลาที่ผมคุยตามCBOXต่างๆ อาเสธแดง คือคนที่เราพูดถึงมากที่สุด ทั้งด่านสีลมและในโลกไซเบอร์ ที่ผม เคยคุย อาแดง คือขวัญและกำลังใจอย่างไม่กล่าวอ้างไม่ได้ผมเชื่ออย่างนั้นครับ แล้ว เราก็นั่งคุยกันพยายามไม่เคลื่อนไหว ผมก็เลยไปรู้จักกับเพื่อนอีกสองคนที่เขาอยู่ที่ด่านนี้ตลอดชื่อ เบียร์ (เป็นคนอุดร) กับ ต้น (จำจังหวัดไม่ได้ครับ) แล้วก็นั่งคุยกันเรื่อยๆซัก30นาทีได้ แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาแล้วบอกห้ามเข้าไปตรงนั้น มีพี่ๆกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงจากการ แต่งตัวผมคิดว่าไม่ ใช่การ์ดแน่ๆแต่งตัวเหมือนทหารเริ่มเดินแถวที่พวกผม นั่งอยู่ แล้วผมก็สังเกตุที่กระเป๋าเป้ผมก็รู้สึกถึงคำว่า "นักรบโรนิน" ขึ้นมาทันที่ที่อาแดงเคยพูดบ่อยๆในเวป ที่อ่านเจอ และสักพักก็มีพี่คนหนึ่งมาฝากถุงสีดำอะไรก็ไม่รู้ แต่หนักบอกแค่ว่า ห้ามดูดบุหรี่ใกล้ๆนะ(พอจะนึก ถึงกับดักที่วางไว้ตามป่าไหมครับ) แล้ว แกก็ไปสมทบกับกลุ่มของแกอีกเต้นท์หนึ่ง เราก็นั่งไปเรื่อยๆคุยกันไปและ พี่เขาบอก ห้ามคนเข้าไปบริเวณ ที่แกบอกเพราะตอนนั้นพอคนที่วิ่งหนีจาก เต้นท์เริ่มทะยอยกลับเข้าไปเก็บของส่วนตัว พี่ๆเขาก็บอกไม่ให้เข้าไป อันตราย บริเวณนั้นจึงไม่มีใครที่ไปได้นอก จากนักข่าวที่ดื้อจริงๆ พี่ๆก็ปล่อยไปบอกช่าง เขาเตือนแล้วว่ามีพลซุ่มยิงตามตึก สักพักพี่เขาก็มาเอาถุงคืน และผมช่วยถือไปถุงหนึ่งแต่อีกถุงต้องใช้สองคนยกไปครับค่อน ข้างหนักมาก เมื่อเหตุการณ์เริ่มปรกติ น้องที่ชื่อเบียร์ก็พาผมไปนอนที่เต้นอุดรฯ ติดด่านตรงทางลงรถไฟฟ้าใต้ดินMRT จุดที่อาแดงโดนยิงครับ สักพักก็มีคนมาก่อกวนที่ด่าน มียิงหนังสติ๊ก+ปาหินใส่ ส่วนที่ด่านฝั่งเรา ก็จุดบั้งไฟ+ปาหิน+จุดประทัดยักษ์ใส่บ้าง แต่มีช่วงหนึ่งที่มีคนขี่ มอเตอร์ไซต์ มาปาระเบิดมือใส่ ตอนนั้นผมยืนบนยางนอกรถ ที่กองซ้อนเป็นด่าน มองเห็น คน ที่ขี่มาปาระเบิด อายุประมาณ 21-25ปี ผมคิดว่าน่าจะเป็นทหารเกณฑ์ครับ เสียงสนั่นเลย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากนั้นสักพักก็มีเสียงปืนยิง พวกเราต้องวิ่งหนีเป็นระยะๆตอนนั้นที่ตอบโต้ได้ก็มีแต่ หนังสติ๊ก กับ บั้งไฟ เท่านั้นจนมีเสียง ปืน+M-79 ที่ยิงมาจาก ตึก .น่าจะเป็นโรงแรมที่เขาบอกว่า สไนเปอร์ยิง อาแดง (เอราวัณหรืออะไรเนี่ยแหละ).. คือเขายิงมา เราก็ได้แต่วิ่งหลบตามเต้นท์อย่างเดียว เอน็จอนาถครับ M-79 ทหารยิงใส่หน้าด่าน เพื่อก่อกวนพวกเรา3-4 ลูก สงสัยจะไม่ไห้ได้พักผ่อนมั้งครับ ช่วงนั้นค่อนข้างตึงเครียด จนพี่ที่ (น่าจะ)เป็น ทหารโรนิน เขาอดไม่ได้มั้งครับที่ ทหารยิงเราฝ่ายเดียว เขาก็เลยยิงสวนไปบนโรงแรมนั้น ชุดละ 6-7นัด ประมานสองชุด ใส่ทหารที่ยิงจากบนตึกลงมา(ยังมี รอยกระสุนอยู่เลยครับ) อีกคนน่าจะเป็นปืนสั้นจนหมดแม็ก แล้วบนตึกก็เงียบ หลังจากนั้นไม่มีการยิงมาหน้าด่านอีกแต่ที่ฝั่งถนนวิทยุก็ได้ยินเสียง ระเบิด ปืนดัง เห็นบอกว่าเสื้อแดงเราตายไป 1คน โดนทหารที่ด่านสองยิง ส่วนที่ด่านสามไม่รู้เป็นทหารหรือตำรวจครับยิงกัน ฝั่งนั้น ก็ได้ยินเสียงปะทะนานเหมือนกัน จังหว่ะนั้นผมเลยหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาก็ปาไป เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงยิงM-79 จากบนตึกลงมาอึก3นัด บริเวณที่หน้าด่านติดต่อกันเลยครับ (บึ้ม บึ้ม บึ้ม)โหครับ! หาที่หลบกันใหญ่เลยครับ ก็มีพี่อีกคนตะโกนว่าหาที่ปลอดภัยหลบ เท่านั้นแหละครับผมก็พลัดหลงกับต้น เหลือสองคนคือผมกับ เบียร์ ก็ไปหลบอยู่ตรงที่เป็นสนามหญ้าที่หน้าประตูเข้าสวนลุม ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีทหารยิงจากตึกอีกเลย ผมดูนาฬิกาอีกทีก็ตี 1กว่าแล้ว เลยไปนอนบนเสื่อที่เขาพากันวิ่งหนีไปหานอนที่อื่น แบบเพลียมากครับ ก็นอนคุยกันแต่ก็ยังได้ยินเสียงปืนจากฝั่งถนนวิทยุ เป็นช่วงๆ และเสียงรถพยาบาลวิ่งตลอด มีพี่ผู้หญิงกับพี่ผู้ชายมานอนข้างๆเขาบอกว่า เห็นตอนทหารยิงM-79 มาจากตึก รพ.จุฬาฯ บอกเป็นแสงไฟพุ่งเลยครับ สักพักพวกเราก็นอนคุยกันไปเรื่อยๆกับพี่ที่มาร่วมกันสู้ ข้างๆอีกสองคน คนหนึงเป็นหน่วยกู้ภัยอาสา ส่วนอีกคนเขาก็มาเหมือนผมครับ ว่างช่วยกันเฝ้าด่าน คุยกันจนตี4ได้นอนถึงซัก 6โมงเช้าครับ
เหตุการณ์ 13 พฤษภาคม 2553เริ่มแรกเย็น วันที่ 13 พค.2553 ผมนั่งTAXI ไปถึงราชประสงค์ ก็ประมาณ 5 โมงเย็นครับ พอถึงก็นั่งฟังเขาปราศรัยที่เวที ทางด้านขวาตรงช้างตัวใหญ่ๆครับซักพักใหญ่ๆก็มีรถไฟฟ้าBTSมาจอดหลายรอบตรง กับZENหลายรอบแล้วก็แล่นกลับไปกลับมา จอดบ้าง มาชะลอดูบ้าง ทำให้แถวๆนั้นผู้คนแตกตื่นมากครับ พอซักพักใหญ่ๆผมก็เดินไปที่ ด่านสีลม(ปรกติถ้าไปผมจะไปด้านนี้ด่านอื่นไม่ เคยไปครับ) ผมก็เดินไป เรื่อยๆครับ จนถึงแยกก่อนที่จะถึง รพ.จุฬาฯ ก็เห็นคนวิ่งแตกตื่นกันอลม่านผมก็เลยถามคนที่วิ่ง มาเป็นผู้หญิง อายุประมาณ30กว่าๆ แกก็บอกว่า "เสธแดงโดนยิง" ผมก็รีบเดินไป ต่อ แต่ตอนนั้นเท่าที่ดูไม่มีแกนนำหรือใครที่จะเป็นคนคุมมวลชนที่นั่นเลยครับ ทุกคนแตกตื่นกันมาก ทุกคนที่วิ่งมาปากก็บอกว่า เสธแดงโดนยิงๆตลอดทาง แล้วผมก็เห็นรถคันสีขาวที่ใช้พาอาแดงของเราไป รพ.หัวเฉียว หรือเปล่าไม่แน่ใจแต่ที่แน่ๆคนที่อยู่บนรถก็ตะโกนโหวกเหวกให้หลบไปๆ.. ผมก็เดินไปต่อสวนทางกับคนที่วิ่งแตกตื่นมาตลอดทาง ก็เจอพี่คนหนึ่งตัวใหญ่ๆสูงขาวบอกว่า ขออาสาใครที่กล้าไป ช่วยกันที่ด่านสีลม ผมก็เดินไปกับพี่เขาปากก็บอกว่า ขอคนกล้าไปช่วยกันที่ด่านสีลม แต่ไม่มีใครตามมาเลยวิ่งกลับกันหมด ทั้งนักข่าวต่างประเทศ ก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมาหลายคนเหมือนกัน พอผมเดินมาถึงด่านที่ติดกับตึก รพ.จุฬาที่ตั้งด่านปิดถนนทั้งสองฝั่งก็ มี ระเบิดตู้ม! ... เห็นเต็มตา ... เท่านั้นครับผมก็หมอบหน้ารถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่เพราะมีเสียงระเบิด อีกหลายลูก.. ผมไม่ทราบ ว่ากี่ลูกแต่มากกว่าสามลูก เท่าที่ผมได้ยินปนกับเสียงปืนไม่รู้ยิงจากไหนลงจุดไหน ยิงอีกหลายนัด ผม ก็หลบแต่พยายามมองไปข้างหน้าที่ระเบิดตกแล้วมองหาคนที่ยิงปืนออกมาจาก ข้างใน รพ.จุฬาฯ (ตอนนั้นผมคิดว่ายังไงๆเสียงระเบิดและปืนไม่แน่ใจว่าเป็นM16หรือ เปล่าน่าจะยิงออกมาจาก รพ.จุฬาแน่ๆครับ).. ณ.ตอนนั้นจากเสียงที่ได้ยินผมคิดว่าอย่างนั้น ตอนนั้นยังไม่มีใครกล้าไป อยู่ไปอยู่ข้างๆด่านวิ่งหลบกันวุ่น ปากก็ตะโกนว่าดับไฟทุกดวงดับไฟๆ..ใครมีหนังสะติ๊กก็ยิงหลอดไฟที่อยู่ ที่สูงขณะที่พวกผมกำลังเอาสิ่งของ ที่พอจะเก็บหาได้เพื่อปาหลอดไฟตามทางตามเต้นแต่มี หลอดหนึ่งที่อยู่ติด ด่านยิงยังไงก็ก็ไม่ดับก็มีลูกกระสุนยิงมาใส่หลายลูก ปัง ปัง ปัง!จาก ข้างใน รพ. อันนี้ผมเลยแน่ใจว่า ยิงมาจาก รพ.จุฬาฯ แน่ๆ ฝ่านเรามีแค่บั้งไฟที่พอจะจุดยิงเข้าไปฝั่ง รพ.จุฬาฯได้กับหนังสะติ๊ก (ผมรู้สึกอนาถใจมากครับ หนังสติ๊ก กับ บั้ง ไฟ ไม่กี่อันสู้กับ M79 กับ ปืนของทหาร ที่ยิงสวนมาเป็นระยะๆ) .. แต่ไม่มีใครถูกกระสุน ตรงที่ผมอยู่ที่ด่านใต้รางที่รถBTSวิ่ง แต่ที่ข้างในด่านมี มอเตอร์ไซค์พาคนที่โดนยิงและสะเก็ดระเบิด ไปส่ง รพ. พวกผมก็พยามยามพูดกันว่า จะดับไฟทีเสาต้นนี้อย่างไรมันอยู่สูงครับพอมีคนไปยิงหลอดไฟให้ดับ ทหาร ใน รพ.จุฬาก็ยิงปืนสวนออกมา พวกผมก็หลบกันหลังรถบ้าง ตามเต้นท์บ้าง แต่กระสุนไม่ถูกใคร หลอดไฟก็สว่างพี่ๆแถวนั้น เขาก็พาก็พากันยิงจนดับ เสียงปืนเงียบลง คนที่ใส่เสื้อสีขาวเราก็บอกว่าให้หาเสื้อสีดำมาเปลี่ยน ใครที่จะเข้าไปที่เต้นส่วนมากเป็นพี่ผู้หญิงที่ อยู่ประจำเต้นท์ จะกลับเข้าไปซึ่งตอนนั้นพวกผมก็คิดว่ายังอันตรายอยู่ ก็บอกว่าพี่อย่า พึ่งเข้าไป ใครที่ใส่เสื้อสีขาวก็ให้ไปหาเสื้อเปลี่ยนใหม่ พอเราแน่ใจว่าเริ่มไม่มีเสียงปืนแล้วเราก็พากันหมอบไปตามทางด้านถนนที่ ติดกับสวนลุมเพื่อความปลอดภัยเพราะไฟสว่าง พวกเราก็ ตะโกนให้ดับไฟให้หมด เพื่อใช้ความมืดพรางตัวไม่ให้ตกเป็นเป้า พอกระสุนปืนเงียบ ผมก็ไปรวมตัวกลุ่มหลังเต้นท์ ติดสวนลุมตรงถนน ก็คุยกันว่า อาแดงของเราโดนยิงตรงไหน เชื่อไหมครับเท่าที่ผมรู้สึกได้ ทุกคนที่ด่านสีลม เขาเชื่อและศรัทธาอาเสธแดงของเรามาก แบบไม่รู้ว่าผมจะพูดยังไงขนาดในเวปเวลาที่ผมคุยตามCBOXต่างๆ อาเสธแดง คือคนที่เราพูดถึงมากที่สุด ทั้งด่านสีลมและในโลกไซเบอร์ ที่ผม เคยคุย อาแดง คือขวัญและกำลังใจอย่างไม่กล่าวอ้างไม่ได้ผมเชื่ออย่างนั้นครับ แล้ว เราก็นั่งคุยกันพยายามไม่เคลื่อนไหว ผมก็เลยไปรู้จักกับเพื่อนอีกสองคนที่เขาอยู่ที่ด่านนี้ตลอดชื่อ เบียร์ (เป็นคนอุดร) กับ ต้น (จำจังหวัดไม่ได้ครับ) แล้วก็นั่งคุยกันเรื่อยๆซัก30นาทีได้ แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาแล้วบอกห้ามเข้าไปตรงนั้น มีพี่ๆกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงจากการ แต่งตัวผมคิดว่าไม่ ใช่การ์ดแน่ๆแต่งตัวเหมือนทหารเริ่มเดินแถวที่พวกผม นั่งอยู่ แล้วผมก็สังเกตุที่กระเป๋าเป้ผมก็รู้สึกถึงคำว่า "นักรบโรนิน" ขึ้นมาทันที่ที่อาแดงเคยพูดบ่อยๆในเวป ที่อ่านเจอ และสักพักก็มีพี่คนหนึ่งมาฝากถุงสีดำอะไรก็ไม่รู้ แต่หนักบอกแค่ว่า ห้ามดูดบุหรี่ใกล้ๆนะ(พอจะนึก ถึงกับดักที่วางไว้ตามป่าไหมครับ) แล้ว แกก็ไปสมทบกับกลุ่มของแกอีกเต้นท์หนึ่ง เราก็นั่งไปเรื่อยๆคุยกันไปและ พี่เขาบอก ห้ามคนเข้าไปบริเวณ ที่แกบอกเพราะตอนนั้นพอคนที่วิ่งหนีจาก เต้นท์เริ่มทะยอยกลับเข้าไปเก็บของส่วนตัว พี่ๆเขาก็บอกไม่ให้เข้าไป อันตราย บริเวณนั้นจึงไม่มีใครที่ไปได้นอก จากนักข่าวที่ดื้อจริงๆ พี่ๆก็ปล่อยไปบอกช่าง เขาเตือนแล้วว่ามีพลซุ่มยิงตามตึก สักพักพี่เขาก็มาเอาถุงคืน และผมช่วยถือไปถุงหนึ่งแต่อีกถุงต้องใช้สองคนยกไปครับค่อน ข้างหนักมาก เมื่อเหตุการณ์เริ่มปรกติ น้องที่ชื่อเบียร์ก็พาผมไปนอนที่เต้นอุดรฯ ติดด่านตรงทางลงรถไฟฟ้าใต้ดินMRT จุดที่อาแดงโดนยิงครับ สักพักก็มีคนมาก่อกวนที่ด่าน มียิงหนังสติ๊ก+ปาหินใส่ ส่วนที่ด่านฝั่งเรา ก็จุดบั้งไฟ+ปาหิน+จุดประทัดยักษ์ใส่บ้าง แต่มีช่วงหนึ่งที่มีคนขี่ มอเตอร์ไซต์ มาปาระเบิดมือใส่ ตอนนั้นผมยืนบนยางนอกรถ ที่กองซ้อนเป็นด่าน มองเห็น คน ที่ขี่มาปาระเบิด อายุประมาณ 21-25ปี ผมคิดว่าน่าจะเป็นทหารเกณฑ์ครับ เสียงสนั่นเลย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากนั้นสักพักก็มีเสียงปืนยิง พวกเราต้องวิ่งหนีเป็นระยะๆตอนนั้นที่ตอบโต้ได้ก็มีแต่ หนังสติ๊ก กับ บั้งไฟ เท่านั้นจนมีเสียง ปืน+M-79 ที่ยิงมาจาก ตึก .น่าจะเป็นโรงแรมที่เขาบอกว่า สไนเปอร์ยิง อาแดง (เอราวัณหรืออะไรเนี่ยแหละ).. คือเขายิงมา เราก็ได้แต่วิ่งหลบตามเต้นท์อย่างเดียว เอน็จอนาถครับ M-79 ทหารยิงใส่หน้าด่าน เพื่อก่อกวนพวกเรา3-4 ลูก สงสัยจะไม่ไห้ได้พักผ่อนมั้งครับ ช่วงนั้นค่อนข้างตึงเครียด จนพี่ที่ (น่าจะ)เป็น ทหารโรนิน เขาอดไม่ได้มั้งครับที่ ทหารยิงเราฝ่ายเดียว เขาก็เลยยิงสวนไปบนโรงแรมนั้น ชุดละ 6-7นัด ประมานสองชุด ใส่ทหารที่ยิงจากบนตึกลงมา(ยังมี รอยกระสุนอยู่เลยครับ) อีกคนน่าจะเป็นปืนสั้นจนหมดแม็ก แล้วบนตึกก็เงียบ หลังจากนั้นไม่มีการยิงมาหน้าด่านอีกแต่ที่ฝั่งถนนวิทยุก็ได้ยินเสียง ระเบิด ปืนดัง เห็นบอกว่าเสื้อแดงเราตายไป 1คน โดนทหารที่ด่านสองยิง ส่วนที่ด่านสามไม่รู้เป็นทหารหรือตำรวจครับยิงกัน ฝั่งนั้น ก็ได้ยินเสียงปะทะนานเหมือนกัน จังหว่ะนั้นผมเลยหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาก็ปาไป เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงยิงM-79 จากบนตึกลงมาอึก3นัด บริเวณที่หน้าด่านติดต่อกันเลยครับ (บึ้ม บึ้ม บึ้ม)โหครับ! หาที่หลบกันใหญ่เลยครับ ก็มีพี่อีกคนตะโกนว่าหาที่ปลอดภัยหลบ เท่านั้นแหละครับผมก็พลัดหลงกับต้น เหลือสองคนคือผมกับ เบียร์ ก็ไปหลบอยู่ตรงที่เป็นสนามหญ้าที่หน้าประตูเข้าสวนลุม ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีทหารยิงจากตึกอีกเลย ผมดูนาฬิกาอีกทีก็ตี 1กว่าแล้ว เลยไปนอนบนเสื่อที่เขาพากันวิ่งหนีไปหานอนที่อื่น แบบเพลียมากครับ ก็นอนคุยกันแต่ก็ยังได้ยินเสียงปืนจากฝั่งถนนวิทยุ เป็นช่วงๆ และเสียงรถพยาบาลวิ่งตลอด มีพี่ผู้หญิงกับพี่ผู้ชายมานอนข้างๆเขาบอกว่า เห็นตอนทหารยิงM-79 มาจากตึก รพ.จุฬาฯ บอกเป็นแสงไฟพุ่งเลยครับ สักพักพวกเราก็นอนคุยกันไปเรื่อยๆกับพี่ที่มาร่วมกันสู้ ข้างๆอีกสองคน คนหนึงเป็นหน่วยกู้ภัยอาสา ส่วนอีกคนเขาก็มาเหมือนผมครับ ว่างช่วยกันเฝ้าด่าน คุยกันจนตี4ได้นอนถึงซัก 6โมงเช้าครับ
เหตุการณ์ 14 พฤษภาคม 2553.. พอไปถึงเต้นท์ของอุดรตอนเช้า (ผมได้แปรงฟันเพราะพกแปรงไปด้วยส่วนอาบน้ำหรือครับไม่ต้องพูดครับไม่ ได้อาบ55)ตอนแรก พอ 8โมงเช้า กะว่าจะกลับไปศิริราช ปรกติผมจะมาที่ราชประสงค์ที่ด่าน เช้าก็กลับแต่เช้านี้ไม่ไหวครับก็เลยว่า จะอยู่ต่อวันนี้ เพราะมีข่าวว่าทหารจะมาสลาย เพลียบวกนอนน้อยทหารป่วนตั้งเย็นของวันที่13 พค เลยหากินข้าว (มีข้าวเปล่ากับไข่ 2ฟองครับ) แล้วก็ง่วงมากเลยนอนต่อที่เต้นท์ นอนไม่ค่อยหลับหรอกครับ พอกำลังจะหลับก็มีคนตะโกน ทหารเคลื่อนพลมาแล้ว ก็สะดุ้งตื่นวิ่งไปดูที่หน้าด่านทุกคนก็ลุกกันใหญ่เลย พอไปดูก็บอกเริ่มเคลื่อนมาแต่ยังอยู่ไกล ทุกครั้งที่ทหารเริ่มเคลื่อน ก็จะมีคนตะโกนได้ซัก 3-4 รอบ จนเที่ยงนอนด้วยสะดุ้งด้วยครับ (ร้อนก็ร้อนครับ) .. พอเที่ยงนี่แหละครับ ต้องตื่นทหารมาจนถึงตีนสะพานพวกเราก็วิ่งกันใหญ่พากันเอาน้ำมันราดหน้าด่าน ถ้าทหารมาจะได้เผาด้านถ่วงเวลาให้ได้นานๆแต่พอทหารจะเคลื่อนมาก็มีมวลชน ของเราที่มาแล้วอยู่หน้าด่านใต้สะพานข้ามสี่แยกก็ขี่มอเตอร์ไซต์ขับวิ่ง กลับไปกลับมา ยิงหนังสติ๊กยิงบั้งไฟใส่ทหารและ จุดล้อยางเผา ปาแก้วใส่ถนน ส่วนทหารก็ยิงมาเป็นระยะ+ระเบิดด้วยหลายตู้มเลย (กระสุนจริงครับ) ก็มีรถพยาบาลมาหลายคัน เช่นกันมวลชนของเราด้านนอกด่านนี่สู้จริงๆ ทหาร นี่ ยิงจากด้านล่างด้วยจากบนตึกด้วย พอประมาณบ่ายเนี่ยแหละครับ ทั้งจากตึก เราต้องหลบกันใหญ่หลบตามซุ้มตามเต้นท์โดนทหารยิงมาบ่อยมาก จากตึกสูงแต่ละคนที่ดูตอนนั้นต่างคนต่างหิว ดีนะครับมีขนมจีนกับแกงไก่ แค่นั้นแหละครับ ประทังความหิวกัน .. นักข่าวเห็นพวกเรากินก็ถ่ายรูปไว้กินด้วยวิ่งหลบด้วย ผมว่าฝรั่งคงรู้สึกเวทนาเรามากมั้งครับ ไหนจะต้องหลบกระสุนไหนจะหิวกิน ขนมจีน ท่ามกลางทหารที่พยายามจ้องจะเอาชีวิตเรา จากที่สูง ยิงใส่มวลชนที่อยู่รอบนอกและหน้าด่านด้วย .. ส่วน ฮ.มีแค่ลำเดียวครับ บินวนไปวนมาพวกเราได้แค่ยิงบั้งไฟใส่ขู่แค่นั้นแหละครับ แต่มีช่วงหนึ่ง ฮ.ปล่อยน่าจะเป็นแก๊สน้ำตา ลงมา ผมก็ได้ยินเสียง ปืนดัง สอง-สามครั้ง แต่ละครั้งจะยิงแบบ รัวครั้งละ4-5นัด ส่องฮ. ผมไม่เห็นคนยิงแต่ต้น (เจอ กันตอนหาข้าวกินครับ) เห็นพี่ทหารที่ยิงเล่าว่า คนหนึ่งบอกตำแหน่ง อีกคนยิงแบบไม่ได้เล็งนาน แค่ยกปืนขึ้นยิงเลย ปัง ปัง ปัง ปัง แล้วถ้าไม่ถูกก็รอจังหว่ะใหม่ แต่ตอนที่ถูกพี่เขาบอกว่าถูกแล้วคนอื่นแทบไม่รู้ว่าถูกแต่คนยิงบอกว่า ถูกหลังจากนั้น ฮ.ก็บินไปเลยครับ ไม่มารบกวนแล้ว จากนั้นพวกเราก็พยายามดูที่สวนลุมด้วยแต่มีพี่คนหนึ่งไป ยืนสังเกตุทหารแถวสวนลุมโดนยิงจากสไนเปอร์ที่ขานี่เกือบขาดแบบ ห้อยต้องแต่งๆน่าสงสารครับยืนอยู่เฉยๆไม่รู้ยิงมาจากตึกไหนครับและก็นำส่ง รพ.ต่อ

พี่ๆ "นักรบโรนิน" ปราก ฎตัว.. พอถึงตอนนี้แหละครับเมื่อทหารยิงเสื้อแดงเราไปหลายคน ผมได้ยินพี่คนหนึ่งบอกว่า
เราจะสูญเสียมวลชนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว.. เท่านั้นแหละครับ ก็เริ่มมี่ พี่ๆที่ แต่ง ตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำ (ถ้า สังเกตดีๆจะรู้ว่าปืนมาด้วย) กระเป๋าเป้ เดินมาเป็นกลุ่มละ3-4คน พยายามหาทหารบนตึก เพื่อตรวจสอบตำแหน่ง พี่ ทหารโรนิน ที่มาน่าจะมากกว่า 8 คน แต่ไม่เกิน 15คน แต่เอาที่ผมเห็นถือสัมภาระ ก็ประมาณ 8คนได้ และพวกพี่ที่เป็น คนคอยชี้เป้า อีกต่างหาก พอเห็นเป้า ก็วิ่งมาคุยกันบอก...ตำแหน่งไม่อยู่กับที่นะครับ วิ่งสับไปสับมา ผมไปหมอบอยู่ในเต้นท์ริมกำแพง (ว่างๆไปดูรูที่เจาะไว้น ที่ริมกำแพงให้พี่เขา ไป ดูตำแหน่งสไนเปอร์) เพราะตอนนั้นทุกคนจะหลบตามเต้นท์ไม่ให้ สไนเปอร์ส่องได้ครับ .. ตอนนี้ครับ ยิงกันมันเลย ทั้งปืนทั้ง ระเบิด แต่พี่ทหารที่มาช่วยเรา เขายิงเฉพาะทหารที่ซุ่มอยู่บนตึกต่างๆ ผมจำตึกไม่ได้แต่มีตึกธาคาร แถวนั้นมีหมดแหละครับ .. ส่วน ปืน และ ระเบิด ผมไม่ทราบว่าเป็นรุ่นไหนจะมีเสียง “โบ๊ะ” ถ้าเรา นับก็ประมาณ 5วินาที แล้วก็จะได้ยินเสียง“บึ๊ม!” ที่ตำแหน่ง ใกล้ๆทหาร แต่ทหารก็ยิงระเบิดโต้ตอบ หลายลูกเหมือนกัน ยิงใส่ตรงบริเวณตีนสะพาน ยิงสวนกันไปสวนกันมา เป็น..ชั่วโมงครับ ได้ยินพี่คนหนึ่งบอกว่ายิงไปสอง สักพักก็เปลี่ยนตำแน่งมายิงตรงที่ผมหมอบอยู่ ผมหูอื้อไปหลายชั่วโมงเลย ห่างที่ผมอยู่ประมาณ 3 ฟุตได้ .. แล้วพี่อีกคนหนึ่งก็ถามว่า ใครมีหมวกบ้าง ผมก็มีแต่หมวกกันน็อกอยู่ใกล้ๆ เลยบอกพี่เขาว่า เอา ไหมครับ พี่เขาบอก ไม่เอา เขาถามกลับว่า มีหมวกสีดำไหม แล้วเขาเห็นคนหนึ่งใส่หมวกก็บอกผมให้ไปขอให้หน่อย ผมคลานไปขอหมอกเขา มาให้ (แต่ปรกติพี่เขาก็ทำตัวธรรมดาเหมือนคนทั่วไปครับให้กลมกลืน) ถ้า เวลา ยิง พี่ๆเขาพยายามปิดหน้ากลัวนักข่าวเห็นหรือไรไม่ทราบ สัก 5 โมงเย็น พอ สไนเปอร์ รู้ตำแหน่งที่พี่เขาอยู่ เขาก็บอกให้ย้ายไปจากเต้นให้หมดครับ ประมาณ 5-6 ช่วงเต้นท์ แต่พี่เขาไปสังเกตการณ์ถอยไปตั้ง 100 เมตรได้ครับ .......บทความจากรุ่งศิลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น